อยากเล่าประสบการณ์ที่เพิ่งเจอมาเมื่อคืนนี้เอง ตอนประมาณ 1 ทุ่ม ขับรถกลับบ้านคนเดียวตามปกติ พอดีน้ำมันใกล้หมด เลยเลี้ยวเข้าปั้มน้ำมัน จอดยังไม่ทันเติมเลย ก็มีชายคนหนึ่งเดินมาพูดกับเด็กของปั้ม เด็กมาบอกเราว่า ' พี่ครับ ตะกี้พี่เลี้ยวเข้ามา หินกระเด็นโดนตาของพี่ผู้ชายคนนั้นครับ '
เราตกใจเปิดกระจกรถลงสุด แล้วมองไปที่ชายคนนั้น ดูที่ลูกตา มีเลือดไหลออกมาด้วย ชายคนนั้นพูดว่า ' ผมนั่งสูบบุหรี่อยู่ตรงทางเข้า รถคุณขับเข้าปั้ม ไม่รู้ว่า หินหรือแก้ว กระเด็นมาโดนตาผมครับ ' เรารีบบอกเค้าว่า ' โดนตาหรือค่ะ ขอโทษค่ะ ไม่ต้องห่วง เรามีประกัน เดี๋ยวเราเรียกประกันเรามา ' ในใจคิดว่าจะเอาเงินให้เค้าไปหาหมอก่อนดีมั้ย แต่คิดอีกทีแจ้งประกันก่อนดีกว่า เรารีบไปโทรแจ้งประกัน ขณะที่กำลังคุยกันอยู่ ชายคนนั้นก็เดินมาพร้อมทิชชูที่ซับตาอยู่ แล้วบอกเราว่า ' ผมจะไปหาหมอก่อนนะครับ ' เรารีบถามพี่ประกัน (ในสาย) ว่า ' คนเจ็บจะไปหาหมอให้เค้าไปก่อนเลยได้ใช่มั้ย ' พี่ประกันก็บอกว่า ' ได้ครับ แต่พี่ไม่ต้องจ่ายอะไรทั้งนั้นนะ รอเจ้าหน้าที่ผมก่อน ' จากนั้นเราก็นั่งรอ และเข้าไปในร้านมินิมาร์ท กินน้ำ และ ยืนรอ ยังคุยให้คนขายฟังเลย คนขายบอกว่า ตะกี้ชายคนนั้นก็มาขอทิชชูไปซับเลือดเลย เรารู้สึกไม่ค่อยดี ไม่รู้เค้าจะเป็นอะไรหรือเปล่า พี่ประกันโทรกลับมาบอกเราว่า เจ้าหน้าที่ Survey เค้าออกมาแล้ว รอแป๊ปหนึง เราบอกว่าเนี่ยคนเจ็บไปหาหมอยังไม่มาเลย พี่ประกันบอกว่า ' คงไม่มาแล้วล่ะครับพี่ เราพอจะมีข้อมูลอยู่ ทำไมเค้าต้องมานั่งสูบบุหรี่บริเวณนั้น แล้ว ทำไมรถผ่านไปมาตั้งมาก ทำไมต้องพอดีมาเป็นหินกระเด็นจากรถพี่ด้วย Case แบบนี้เราเจอมามากครับ เค้าทำงานกันเป็นแก๊งค์ แต่พี่ไม่ต้องห่วงถ้าเป็นเรื่องจริงทางบริษัทฯ ยินดีดูแลรักษาให้เต็มที่ รอเจ้าหน้าที่ผมก็นะครับ ' เราก็รอต่ออีกแป๊ปเดียว พี่ประกันอีกคนก็ขี่รถมาจอด สอบถามเรื่องราวกันเสร็จ ยืนรอ นั่งรอ จนเป็นชั่วโมงชายคนนั้นก็ยังไม่มา พี่ประกันก็เลยบอกให้เราไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานไว้ (ไม่งั้นวันหลังอาจมีหมายมาตามว่าชนคนแล้วหนี) เราให้เบอร์ติดต่อไว้ บอกท่านสารวัตร (ใจดี) ว่าเรายินดีรับผิดชอบทุกอย่าง แต่คนเจ็บไม่กลับมาซะที
กลับไปที่ปั๊มน้ำมันอีก เผื่อว่าคนเจ็บจะกลับมา ถามเด็กของปั๊ม ก็ยังไม่มีใครกลับมา รวมๆ ทั้งหมด 2 ชั่วโมงแล้ว เลยฝากบอกเด็กไว้ว่า ถ้าชายคนนั้น (ซึ่งเด็กเห็นกันหมดทุกคน) กลับมาให้ติดต่อสถานีตำรวจได้เลย เพราะได้แจ้งความและให้เบอร์ติดต่อกลับไว้ที่ตำรวจแล้ว เรายังฝากเรื่องไว้ที่พี่ร้านมินิมาร์ทอีกด้วย
พี่ประกันบอกว่า ถ้ามองในแง่ร้าย พวกนี้เค้าทำงานกันเป็นทีม และ เลือกเฉพาะรถที่ผู้หญิงขับคนเดียว ซึ่งเมื่อตกใจส่วนใหญ่ก็จะรีบให้เงินคนเจ็บไปหาหมอก่อน หรือ หากใจดีมากก็จะเอาคนเจ็บขึ้นรถไปหาหมอเองเลย ทีนี้ก็จะเข้าแผนพวกมัน สามารถจี้ตัวไปปล้นหรือทำอะไรได้มากมาย
เพราะฉะนั้น เพื่อความปลอดภัยควรจะระวังตัว คิดในแง่ร้ายไว้ก่อน แล้วรอเจ้าหน้าที่มาจะดีที่สุด
เราเลยอยากแชร์เรื่องราวที่เจอเองเรื่องนี้ให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่รักของเราทุกคนรู้จ้า จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของพวกมิจฉาชีพ ช่วยส่งต่อๆ กัน เพื่อจะได้ระวังตัวนะค่ะ
วันเสาร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2553
วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2553
แบงการันตีปลอม กำลังอาละวาด
สำหรับท่านที่ทำธุรกิจหรือกิจการค้าขาย โดยเฉพาะวัสดุก่อสร้าง วัสดุตกแต่ง ช่วงนี้ขอได้โปรดระมัดระวังความเสี่ยงในการชำระค่าสินค้า ร้านค้าหรือกิจการที่มีลูกค้าที่ซื้อสินค้าจำนวนมาก มูลค่าสูง หรือซื้อติดต่อกันบ่อย แล้วให้ลูกค้าวางแบงการันตี(หนังสือรับประกันชำระหนี้แทนหากลูกหนี้ไม่ชำระสินค้า)ขอย้ำเตือนว่า ช่วงนี้มีกลุ่มผู้ทุจริตทำแบงการันตีปลอมมาวางซื้อสินค้า เมื่อเกิดปัญหาการไม่ชำระหนี้ ร้านค้าต่างๆที่รับวางแบงการันตีก็ไม่สามารถไปเรียกเก็บจากธนาคารได้ วันนี้ผมมีข้อระมัดระวังเกี่ยวกับการรับวางแบงการันตีปลอมมาฝากครับ
1. เมื่อลูกค้านำแบงการันตีมาวาง อันดับแรกให้ตรวจสอบก่อนว่า กระดาษที่เป็นหนังสือรับรอง มีตราธนาคารหรือไม่ และโลโก้ต้องชัดเจน ไม่ใช่เป็นการพิมพ์มาจากเครื่องปริ้นเตอร์ บางธนาคารจะอัดโลโก้เป็นตัวนูนด้วย ถ้าเป็นกระดาษ A4 ธรรมดาไม่มีลายน้ำ ให้สงสัยไว้ก่อนว่าน่าจะปลอม
2. ก่อนจะมีการส่งสินค้าให้นำแบงการันตีดังกล่าวไปตรวจสอบกับสาขาธนาคารที่ออกแบงการันตี โดยตรวจสอบกับผู้จัดการสาขาเท่านั้น และถ้าจะให้ดีควรจะนำไปตรวจสอบกับผู้จัดการสาขาอื่นที่ไม่ใช่สาขาผู้ออกแบงการันตี
3. นอกจากลูกค้าจะวางแบงการันตีแล้ว ก่อนส่งสินค้าให้ลูกค้าชำระค่าสินค้าเป็นจ่ายเช็คทุกครั้ง เพราะถ้าลูกค้าสามารถขอแบงการันตีจากธนาคารได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีบัญชีกระแสรายวัน ถ้าลูกค้าบ่ายเบี่ยงบอกไม่มีเช็ค ถือเป็นความเสี่ยงครับ
4. อย่าลืมขอเอกสารตัวจริงเช่นบัตรประชาชน ทะเบียนร้านค้า หนังสือรับรองบริษัท ภพ.30 เพื่อตรวจสอบกับแบงการันตีว่าชื่อตรงกับที่จดทะเบียนธุรกิจหรือไม่ จะได้ไม่มีปัญหาในเคลม BG เมื่อลูกค้าไม่ชำระหนี้
5. อย่าลืมขอเบอร์โทรติดต่อกับเจ้าหน้าที่สินเชื่อผู้ออกหนังสือค้ำประกัน เผื่อมีปัญหาจะได้ติดต่อได้ทันท่วงที
ขั้นตอนหลักๆก็มีเพียงเท่านี้ครับ หากต้องการระเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามที่ธนาคารสาขาใกล้บ้านท่านได้ครับ
1. เมื่อลูกค้านำแบงการันตีมาวาง อันดับแรกให้ตรวจสอบก่อนว่า กระดาษที่เป็นหนังสือรับรอง มีตราธนาคารหรือไม่ และโลโก้ต้องชัดเจน ไม่ใช่เป็นการพิมพ์มาจากเครื่องปริ้นเตอร์ บางธนาคารจะอัดโลโก้เป็นตัวนูนด้วย ถ้าเป็นกระดาษ A4 ธรรมดาไม่มีลายน้ำ ให้สงสัยไว้ก่อนว่าน่าจะปลอม
2. ก่อนจะมีการส่งสินค้าให้นำแบงการันตีดังกล่าวไปตรวจสอบกับสาขาธนาคารที่ออกแบงการันตี โดยตรวจสอบกับผู้จัดการสาขาเท่านั้น และถ้าจะให้ดีควรจะนำไปตรวจสอบกับผู้จัดการสาขาอื่นที่ไม่ใช่สาขาผู้ออกแบงการันตี
3. นอกจากลูกค้าจะวางแบงการันตีแล้ว ก่อนส่งสินค้าให้ลูกค้าชำระค่าสินค้าเป็นจ่ายเช็คทุกครั้ง เพราะถ้าลูกค้าสามารถขอแบงการันตีจากธนาคารได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีบัญชีกระแสรายวัน ถ้าลูกค้าบ่ายเบี่ยงบอกไม่มีเช็ค ถือเป็นความเสี่ยงครับ
4. อย่าลืมขอเอกสารตัวจริงเช่นบัตรประชาชน ทะเบียนร้านค้า หนังสือรับรองบริษัท ภพ.30 เพื่อตรวจสอบกับแบงการันตีว่าชื่อตรงกับที่จดทะเบียนธุรกิจหรือไม่ จะได้ไม่มีปัญหาในเคลม BG เมื่อลูกค้าไม่ชำระหนี้
5. อย่าลืมขอเบอร์โทรติดต่อกับเจ้าหน้าที่สินเชื่อผู้ออกหนังสือค้ำประกัน เผื่อมีปัญหาจะได้ติดต่อได้ทันท่วงที
ขั้นตอนหลักๆก็มีเพียงเท่านี้ครับ หากต้องการระเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามที่ธนาคารสาขาใกล้บ้านท่านได้ครับ
วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2553
ชำระค่าใช้จ่ายที่เคาท์เตอร์รับเงิน
วันนี้มีข้อเตือนภัยมาฝากครับ เป็นวิธีการเพื่อความปลอดภัยในการใช้บริการรับชำระเงินที่เคาท์เตอร์ หรือ Bill Patment ซึ่งโดยมากเราจะมั่นใจกับการไปใช้บริการที่เคาท์เตอร์เซอร์วิสทั่วไป หรือปัจจุบันเคาท์เตอร์ธนาคารต่างๆก็สามารถรับชำระค่าใช้จ่ายได้ แต่โดยมากก็ยังไม่ค่อยมีใครรู้ว่าหลังจากไปชำระแล้วต้องตรวจสอบอะไรบ้าง วันนี้ก็เลยมาบอกเล่ากันครับ ว่าควรปฏิบัติการตรวจสอบอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายหลัง
1. ให้ตรวจสอบใบแจ้งหนี้ว่า ชื่อนามสกุล และเลขที่สัญญา ตรงกับที่เราทำสัญญาไว้หรือไม่ (ควรตรวจสอบกับใบเสร็จที่ไปชำระครั้งก่อน เพื่อความแน่ใจ)
2. ใบแจ้งชำระจะมี บาร์โค้ด เมื่อไปถึงเคาท์เตอร์สังเกตดูด้วยว่า พนักงานที่รับชำระใช้ตัวยิงบาร์โค้ดหรือไม่ หากไม่ยิงบาร์โค้ดแล้วใช้วิธีคีย์ตัวเลข ให้สอบถามถึงความผิดปกติด้วย(โดยสอบถามว่า ชื่อนามสกุลตรงในข้อมูลระบบหรือไม่)
3. ก่อนยื่นเงินสดให้ตรวจนับทุกครั้งก่อนส่งให้พนักงานนับ และดูพนักงานนับต่อหน้าเราทุกครั้ง (ไม่ต้องอายว่าเป็นการจับผิดพนักงานนะครับ เพราะเป็นระเบียบที่พนักงานเคาท์เตอร์ทุกคนต้องปฏิบัติอยู่แร้ว)
4. เมื่อพนักงานทำรายการแล้ว ต้องนำใบ Pay IN เข้าเครื่องพิมพ์ เพื่อพิมพ์รายการระบบใส่ใบแจ้งหนี้(จะปรากฎข้อความที่หัวใบแจ้งหนี้ ว่ารับชำระเงินจากใคร จำนวนเงินเท่าไหร่ ) หากพนักงานปั๊มตรายางแล้วเซ็นต์ชื่ออย่างเดียว ต้องปฏิเสธการชำระ โดยให้พนักงานคีย์รายการแล้วเข้าเครื่องพิมพ์ให้ถูกต้อง ข้อนี้สำคัญมากๆ เพราะหากภายหลังมีการแจ้งว่า เรายังไม่ได้ชำระเงิน นั่นหมายถึงพนักงานผู้รับชำระเงินอาจลืมคีย์ข้อมูลให้เรา ถึงจะเซ็นต์รับเงินไปแล้วก็ตาม ทำให้เราโดนค่าปรับภายหลัง
5. หลังจากรับใบ Pay In จากพนักงานแล้ว ตรวจดูว่า มีการตีข้อความด้วย Printer ชื่อผู้ชำระ ยอดเงิน เรียบร้อยหรือไม่ ซึ่งปกติจะมีค่าธรรมเนียมอีกประมาณ 10-15 บาท แล้วแต่รายการ และที่สำคัญ ต้องมีรอยปั๊มตรายางมีลายเซ็นต์พนักงาน ถ้าเป็นไปได้ให้สอบถามชื่อพนักงานผู้รับชำระว่าตรงกับป้ายแสดงชื่อพนักงานที่เคาท์เตอร์หรือไม่ แล้วจดไว้เพื่อตรวจสอบ
ข้อปฏิบัติง่ายๆ คงไม่ยากเกินไปนะครับ หลังจากชำระไปประมาณ 1 สัปดาห์ หากยังไม่ได้รับใบเสร็จจากบริษัทที่เจ้าหนี้ ให้รีบไปติดต่อที่เคาท์เตอร์ที่เราไปชำระเป็นการด่วน!!!
1. ให้ตรวจสอบใบแจ้งหนี้ว่า ชื่อนามสกุล และเลขที่สัญญา ตรงกับที่เราทำสัญญาไว้หรือไม่ (ควรตรวจสอบกับใบเสร็จที่ไปชำระครั้งก่อน เพื่อความแน่ใจ)
2. ใบแจ้งชำระจะมี บาร์โค้ด เมื่อไปถึงเคาท์เตอร์สังเกตดูด้วยว่า พนักงานที่รับชำระใช้ตัวยิงบาร์โค้ดหรือไม่ หากไม่ยิงบาร์โค้ดแล้วใช้วิธีคีย์ตัวเลข ให้สอบถามถึงความผิดปกติด้วย(โดยสอบถามว่า ชื่อนามสกุลตรงในข้อมูลระบบหรือไม่)
3. ก่อนยื่นเงินสดให้ตรวจนับทุกครั้งก่อนส่งให้พนักงานนับ และดูพนักงานนับต่อหน้าเราทุกครั้ง (ไม่ต้องอายว่าเป็นการจับผิดพนักงานนะครับ เพราะเป็นระเบียบที่พนักงานเคาท์เตอร์ทุกคนต้องปฏิบัติอยู่แร้ว)
4. เมื่อพนักงานทำรายการแล้ว ต้องนำใบ Pay IN เข้าเครื่องพิมพ์ เพื่อพิมพ์รายการระบบใส่ใบแจ้งหนี้(จะปรากฎข้อความที่หัวใบแจ้งหนี้ ว่ารับชำระเงินจากใคร จำนวนเงินเท่าไหร่ ) หากพนักงานปั๊มตรายางแล้วเซ็นต์ชื่ออย่างเดียว ต้องปฏิเสธการชำระ โดยให้พนักงานคีย์รายการแล้วเข้าเครื่องพิมพ์ให้ถูกต้อง ข้อนี้สำคัญมากๆ เพราะหากภายหลังมีการแจ้งว่า เรายังไม่ได้ชำระเงิน นั่นหมายถึงพนักงานผู้รับชำระเงินอาจลืมคีย์ข้อมูลให้เรา ถึงจะเซ็นต์รับเงินไปแล้วก็ตาม ทำให้เราโดนค่าปรับภายหลัง
5. หลังจากรับใบ Pay In จากพนักงานแล้ว ตรวจดูว่า มีการตีข้อความด้วย Printer ชื่อผู้ชำระ ยอดเงิน เรียบร้อยหรือไม่ ซึ่งปกติจะมีค่าธรรมเนียมอีกประมาณ 10-15 บาท แล้วแต่รายการ และที่สำคัญ ต้องมีรอยปั๊มตรายางมีลายเซ็นต์พนักงาน ถ้าเป็นไปได้ให้สอบถามชื่อพนักงานผู้รับชำระว่าตรงกับป้ายแสดงชื่อพนักงานที่เคาท์เตอร์หรือไม่ แล้วจดไว้เพื่อตรวจสอบ
ข้อปฏิบัติง่ายๆ คงไม่ยากเกินไปนะครับ หลังจากชำระไปประมาณ 1 สัปดาห์ หากยังไม่ได้รับใบเสร็จจากบริษัทที่เจ้าหนี้ ให้รีบไปติดต่อที่เคาท์เตอร์ที่เราไปชำระเป็นการด่วน!!!
วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2553
sim ของมือถือโดนลักลอบใช้ได้แล้ว !!
โปรดระวัง ถ้าคุณได้รับสัญญาณโทรศัพท์บนมือถือของคุณว่า
ช่างเทคนิค Cellnet หรือ Vodafone บอกคุณว่า
พวกเขากำลังทำการตรวจเช็คโทรศัพท์ของคุณ
และบอกให้คุณต้องกด # 90 หรือ 90 #
ตอนนี้มีบริษัทหลอกลวงฉ้อฉล วางอุบายนี้ขึ้นมา
ถ้าคุณได้รับสัญญาณโทรศัพท์ดังกล่าว คุณต้องวางสายโทรศัพท์ทันที
ถ้าคุณกด # 90 หรือ 90 # ล่ะก็ พวกเขาจะสามารถเข้าไปใน sim card ของคุณได้
และสามารถทำการใช้โทร.ออกจาก sim card นั้น
โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น จะเป็นของคุณ
กรุณาบอกคนอื่นๆด้วย
-- ห้ามเปิด เวป นี้ เด็ดขาด --
เว็บ siamstreet.com และ digithais.com ปล่อย ไวรัส อย่าเปิด แถมข้อมูลยังโดนแฮ็กด้วยบอกต่อด้วย โหด มาก
เตือนทุก คน ฟอร์เวิร์ดต่อด้วย นะ !
Virus ชื่อ kali มันจะมากับเมล์ชื่อ Let watchTV .
อย่า เปิด เพราะ harddisk คุณจะเกลี้ยงทุกอย่างโดย ทันที
ส่งต่อด้วยยังไม่มีวิธีแก้ไข ไม่ควรเปิด เว็บ Siamstreet.com และ Digithais.com
ช่างเทคนิค Cellnet หรือ Vodafone บอกคุณว่า
พวกเขากำลังทำการตรวจเช็คโทรศัพท์ของคุณ
และบอกให้คุณต้องกด # 90 หรือ 90 #
ตอนนี้มีบริษัทหลอกลวงฉ้อฉล วางอุบายนี้ขึ้นมา
ถ้าคุณได้รับสัญญาณโทรศัพท์ดังกล่าว คุณต้องวางสายโทรศัพท์ทันที
ถ้าคุณกด # 90 หรือ 90 # ล่ะก็ พวกเขาจะสามารถเข้าไปใน sim card ของคุณได้
และสามารถทำการใช้โทร.ออกจาก sim card นั้น
โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น จะเป็นของคุณ
กรุณาบอกคนอื่นๆด้วย
-- ห้ามเปิด เวป นี้ เด็ดขาด --
เว็บ siamstreet.com และ digithais.com ปล่อย ไวรัส อย่าเปิด แถมข้อมูลยังโดนแฮ็กด้วยบอกต่อด้วย โหด มาก
เตือนทุก คน ฟอร์เวิร์ดต่อด้วย นะ !
Virus ชื่อ kali มันจะมากับเมล์ชื่อ Let watchTV .
อย่า เปิด เพราะ harddisk คุณจะเกลี้ยงทุกอย่างโดย ทันที
ส่งต่อด้วยยังไม่มีวิธีแก้ไข ไม่ควรเปิด เว็บ Siamstreet.com และ Digithais.com
วันพุธที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2553
เจ็ดสิ่งที่ควรหยุดทำทันทีใน Facebook
บทความนี้เรียบเรียงจาก 7 Things to Stop Doing Now on Facebook
by Consumer Reports Magazine Wednesday, May 12, 2010
1. ใช้รหัสผ่านแบบง่าย ๆ
หลีกเลี่ยงการใช้ชื่อธรรมดา หรือคำทั่วไปที่สามารถหาพบได้ในพจนานุกรม
หรือแม้แต่ตัวเลขที่ลงท้ายรหัสผ่านดังกล่าว ควรใช้การผสมระหว่าง
ด้านหน้า ด้านหลังตัวอักษร ด้วยตัวเลข หรือสัญลักษณ์
รหัสผ่านควรมีแปดตัวอักษรอย่างน้อย เทคนิคที่ดีอย่างหนึ่งคือ
การเพิ่มตัวเลขหรือสัญญลักษณ์ระหว่างกลางคำผ่าน
เช่นตัวอย่างคำผ่าน houses เป็น hO27usEs!
มีบทความส่วนหนึ่งที่ผมได้เขียนไว้เรื่อง รหัสผ่านคาดเดายาก
http://www.pantip.com/tech/techblog/article.php?articleID=BA2882742
2. ระบุวันเดือนปีเกิดในข้อมูลสาธารณะ
โจรภัยทางข้อมูลแบบเบื้องต้น
ผู้ไม่หวังดีมักจะใช้ในการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวคุณ
เพราะมันจะมีประโยชน์อย่างมากในการเข้าถึงข้อมูลธนาคารหรือบัตรเครดิต
ถ้าคุณได้ระบุวันเกิด ให้กลับไปที่ข้อมูลส่วนตัว เข้าไปแก้ไขข้อมูลส่วนตัว
ระบุข้อมูลพื้นฐานคือ ไม่แสดงวันเกิดในข้อมูลส่วนตัว หรือ
แสดงเฉพาะวันและเดือนเกิดในหน้าข้อมูลส่วนตัว
(การติดต่อสอบถามเกี่ยวกับบัตรเครดิต มักจะต้องตอบข้อมูลเรื่องนี้ด้วย)
3. ตรวจสอบการใช้งานของข้อมูลส่วนตัว
ข้อมูลทั้งหมดใน Facebook คุณควรกำหนดสิทธิ์ในการเข้าถึงของเพื่อน
หรือเพื่อนของเพี่อน หรือตัวคุณเอง
เช่น การเข้าชมรูปภาพ วันเกิด ศาสนา และข้อมูลของครอบครัว
หรือสิ่งอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับตัวคุณเอง เช่น ข้อมูลในการติดต่อ เบอร์โทรศัพท์ สถานที่อยู่
ควรจำกัดสิทธิ์เฉพาะบุคคลหรือกลุ่มที่สามารถจะเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว
หรือจัดการบล็อก(ห้าม)บุคคลบางคน
หรือไม่ให้บุคคลภายนอกสามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว
4. ระบุชื่อบุตรหลาน โดยมีข้อความที่อธิบายหรือตำบรรยายใต้ภาพประกอบ
ใม่ควรระบุชื่อบุตรหลานหรือป้ายกำกับ(tags)
หรือ มีคำอธิบาย/บรรยายรายละเอียดใต้ภาพ
และถ้าได้มีคนอื่นหรือเพื่อนคุณทำเช่นว่านั้น
ก็ขอให้ช่วยแก้ไขหรือลบออกพร้อมกับป้ายกำกับด้วย
แต่ถ้าชื่อบุตรหลานของคุณไม่ได้อยู่ใน Facebook
แต่ได้มีบางคนได้ระบุข้อมูลดังกล่าวไว้ใน
ป้ายกำกับ(tags) หรือ หรือมีคำอธิบายหรือบรรยายรายละเอียดใต้ภาพ
ก็ขอให้เจ้าของข้อมูลดังกล่าวแก้ไข/ลบออกด้วย
(เป็นช่องทางให้ผู้ไม่หวังดีใช้ข้อมูลดังกล่าว
ในการก่ออาชญากรรมบางเรื่องได้ง่าย
เพราะรู้ว่าเป็นลูกหลานของใครมีฐานะการเงินเป็นเช่นไร)
5. การบอกว่า กำลังออกจากบ้าน
เป็นนัยที่สื่อความหมายว่า ไม่มีใครอยู่ในบ้าน
หรือคล้ายเป็นการปิดป้ายว่า “ไม่อยู่” ไว้ที่หน้าบ้านเช่นกัน
ให้รอจนคุณกลับถึงบ้านแล้วค่อยบอกถึงการผจญภัยหรือความสนุกสนาน
ในการเดินทางหรือการใช้วันหยุดพักผ่อน โดยอาจจะไม่ต้องระบุ
วันเดือนปีที่เดินทางก็ได้ หรือระบุวันเดือนปีที่เดินทางให้คลุมเครือไม่ชัดเจน
6. การปล่อยให้ Facebook ค้นหา พบคุณ
เพื่อป้องกันคนแปลกหน้าเข้าถึงหน้าข้อมูลของคุณ
ให้ไปที่การค้นหาของ Facebook ข้อมูลส่วนตัว
และเลือกเฉพาะเพื่อนเท่านั้นของ Facebook ที่จะค้นพบข้อมูลดังกล่าว
และให้มั่นใจว่ากล่องข้อมูลสาธารณะไม่ได้ระบุให้เข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้
7. อย่าให้เด็กใช้ Facebook โดยไม่ตรวจสอบควบคุม
แม้ว่า Facebook จะไม่อนุญาตให้เด็ก
อายุต่ำกว่าสิบสามขวบหรือยังไม่ถึงเกณฑ์ใช้งาน
แต่หลายคนก็ทำการปลอมอายุเข้าไปใช้ได้
ถ้าคุณมีเด็กหรือวัยรุ่นในความปกครองใช้ Facebook
วิธีการที่ดีที่สุดในการตรวจสอบและควบคุม คือ
การเข้าร่วมเป็นสมาชิกในกลุ่มเพี่อนของเขา
หรือให้ใช้ email ของคุณแทนในการติดต่อระหว่างบัญชีของเขา
เพื่อที่คุณจะได้รับข้อความหรือตรวจสอบการใช้งานของเขา
ยกตัวอย่างเช่น มีเด็กคนหนึ่งมักจะบอกว่า
"แม่กำลังจะกลับบ้านแล้ว ฉันต้องไปล้างจาน"
มักจะบอกทุก ๆ วัน ในเวลาเดิมเสมอ
มันเป็นการบอกเวลาที่ชัดเจนมาก
เกี่ยวกับการเดินทางไปกลับของพ่อแม่
(บอกช่วงเวลาที่ไม่มีผู้ใหญ่อยู่ที่บ้าน
คนร้ายอาจกะระยะเวลาก่อกรรมทำชั่วได้ง่ายขึ้น)
“เพราะสิ่งที่พวกเขาคิดว่าไม่เป็นไร ไม่มีอะไร กลับกลายเป็นสิ่งที่เลวร้ายอย่างง่ายดาย”
เป็นคำกล่าวของ Charles Pavelites, ผู้ชำนาญการพิเศษของหน่วยงาน
ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์จากอาชญากรรมทางอินเตอร์เนต
by Consumer Reports Magazine Wednesday, May 12, 2010
1. ใช้รหัสผ่านแบบง่าย ๆ
หลีกเลี่ยงการใช้ชื่อธรรมดา หรือคำทั่วไปที่สามารถหาพบได้ในพจนานุกรม
หรือแม้แต่ตัวเลขที่ลงท้ายรหัสผ่านดังกล่าว ควรใช้การผสมระหว่าง
ด้านหน้า ด้านหลังตัวอักษร ด้วยตัวเลข หรือสัญลักษณ์
รหัสผ่านควรมีแปดตัวอักษรอย่างน้อย เทคนิคที่ดีอย่างหนึ่งคือ
การเพิ่มตัวเลขหรือสัญญลักษณ์ระหว่างกลางคำผ่าน
เช่นตัวอย่างคำผ่าน houses เป็น hO27usEs!
มีบทความส่วนหนึ่งที่ผมได้เขียนไว้เรื่อง รหัสผ่านคาดเดายาก
http://www.pantip.com/tech/techblog/article.php?articleID=BA2882742
2. ระบุวันเดือนปีเกิดในข้อมูลสาธารณะ
โจรภัยทางข้อมูลแบบเบื้องต้น
ผู้ไม่หวังดีมักจะใช้ในการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวคุณ
เพราะมันจะมีประโยชน์อย่างมากในการเข้าถึงข้อมูลธนาคารหรือบัตรเครดิต
ถ้าคุณได้ระบุวันเกิด ให้กลับไปที่ข้อมูลส่วนตัว เข้าไปแก้ไขข้อมูลส่วนตัว
ระบุข้อมูลพื้นฐานคือ ไม่แสดงวันเกิดในข้อมูลส่วนตัว หรือ
แสดงเฉพาะวันและเดือนเกิดในหน้าข้อมูลส่วนตัว
(การติดต่อสอบถามเกี่ยวกับบัตรเครดิต มักจะต้องตอบข้อมูลเรื่องนี้ด้วย)
3. ตรวจสอบการใช้งานของข้อมูลส่วนตัว
ข้อมูลทั้งหมดใน Facebook คุณควรกำหนดสิทธิ์ในการเข้าถึงของเพื่อน
หรือเพื่อนของเพี่อน หรือตัวคุณเอง
เช่น การเข้าชมรูปภาพ วันเกิด ศาสนา และข้อมูลของครอบครัว
หรือสิ่งอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับตัวคุณเอง เช่น ข้อมูลในการติดต่อ เบอร์โทรศัพท์ สถานที่อยู่
ควรจำกัดสิทธิ์เฉพาะบุคคลหรือกลุ่มที่สามารถจะเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว
หรือจัดการบล็อก(ห้าม)บุคคลบางคน
หรือไม่ให้บุคคลภายนอกสามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว
4. ระบุชื่อบุตรหลาน โดยมีข้อความที่อธิบายหรือตำบรรยายใต้ภาพประกอบ
ใม่ควรระบุชื่อบุตรหลานหรือป้ายกำกับ(tags)
หรือ มีคำอธิบาย/บรรยายรายละเอียดใต้ภาพ
และถ้าได้มีคนอื่นหรือเพื่อนคุณทำเช่นว่านั้น
ก็ขอให้ช่วยแก้ไขหรือลบออกพร้อมกับป้ายกำกับด้วย
แต่ถ้าชื่อบุตรหลานของคุณไม่ได้อยู่ใน Facebook
แต่ได้มีบางคนได้ระบุข้อมูลดังกล่าวไว้ใน
ป้ายกำกับ(tags) หรือ หรือมีคำอธิบายหรือบรรยายรายละเอียดใต้ภาพ
ก็ขอให้เจ้าของข้อมูลดังกล่าวแก้ไข/ลบออกด้วย
(เป็นช่องทางให้ผู้ไม่หวังดีใช้ข้อมูลดังกล่าว
ในการก่ออาชญากรรมบางเรื่องได้ง่าย
เพราะรู้ว่าเป็นลูกหลานของใครมีฐานะการเงินเป็นเช่นไร)
5. การบอกว่า กำลังออกจากบ้าน
เป็นนัยที่สื่อความหมายว่า ไม่มีใครอยู่ในบ้าน
หรือคล้ายเป็นการปิดป้ายว่า “ไม่อยู่” ไว้ที่หน้าบ้านเช่นกัน
ให้รอจนคุณกลับถึงบ้านแล้วค่อยบอกถึงการผจญภัยหรือความสนุกสนาน
ในการเดินทางหรือการใช้วันหยุดพักผ่อน โดยอาจจะไม่ต้องระบุ
วันเดือนปีที่เดินทางก็ได้ หรือระบุวันเดือนปีที่เดินทางให้คลุมเครือไม่ชัดเจน
6. การปล่อยให้ Facebook ค้นหา พบคุณ
เพื่อป้องกันคนแปลกหน้าเข้าถึงหน้าข้อมูลของคุณ
ให้ไปที่การค้นหาของ Facebook ข้อมูลส่วนตัว
และเลือกเฉพาะเพื่อนเท่านั้นของ Facebook ที่จะค้นพบข้อมูลดังกล่าว
และให้มั่นใจว่ากล่องข้อมูลสาธารณะไม่ได้ระบุให้เข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้
7. อย่าให้เด็กใช้ Facebook โดยไม่ตรวจสอบควบคุม
แม้ว่า Facebook จะไม่อนุญาตให้เด็ก
อายุต่ำกว่าสิบสามขวบหรือยังไม่ถึงเกณฑ์ใช้งาน
แต่หลายคนก็ทำการปลอมอายุเข้าไปใช้ได้
ถ้าคุณมีเด็กหรือวัยรุ่นในความปกครองใช้ Facebook
วิธีการที่ดีที่สุดในการตรวจสอบและควบคุม คือ
การเข้าร่วมเป็นสมาชิกในกลุ่มเพี่อนของเขา
หรือให้ใช้ email ของคุณแทนในการติดต่อระหว่างบัญชีของเขา
เพื่อที่คุณจะได้รับข้อความหรือตรวจสอบการใช้งานของเขา
ยกตัวอย่างเช่น มีเด็กคนหนึ่งมักจะบอกว่า
"แม่กำลังจะกลับบ้านแล้ว ฉันต้องไปล้างจาน"
มักจะบอกทุก ๆ วัน ในเวลาเดิมเสมอ
มันเป็นการบอกเวลาที่ชัดเจนมาก
เกี่ยวกับการเดินทางไปกลับของพ่อแม่
(บอกช่วงเวลาที่ไม่มีผู้ใหญ่อยู่ที่บ้าน
คนร้ายอาจกะระยะเวลาก่อกรรมทำชั่วได้ง่ายขึ้น)
“เพราะสิ่งที่พวกเขาคิดว่าไม่เป็นไร ไม่มีอะไร กลับกลายเป็นสิ่งที่เลวร้ายอย่างง่ายดาย”
เป็นคำกล่าวของ Charles Pavelites, ผู้ชำนาญการพิเศษของหน่วยงาน
ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์จากอาชญากรรมทางอินเตอร์เนต
วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2553
เตือนภัยสาวๆ ระวัง!!มารสังคมที่มาอาศัย ห่มผ้าเหลือง
รายการผู้หญิงถึงผู้หญิง
มีผู้ชมทางบ้านซึ่งเป็นเหยื่อ โทร.มาเล่าให้ทางรายการฟังดังนี้
เธอ กำลังเลือกหาซื้อหนังสืออยู่ในห้างแห่งหนึ่ง มีคนหัวโล้นนุ่งผ้าเหลืองมาพูดจาสุภาพว่า
" โยม อาตมาเพิ่งมาห้างนี้ครั้งแรก ไม่รู้ว่าจะไปซื้อ...ได้ที่ไหน " ( ฟังไม่ทันว่า ....คืออะไร ขออภัยด้วย)
หญิงสาวได้ยินดังนั้น จึงบอกทางว่าเดินไปข้างหน้าอยู่ซ้ายมือ แล้วอ่านหนังสือต่อ
สักพักคนหัวโล้นนั้นเดินกลับมา บอกว่า " ขอโทษเถอะโยม อาตมามีเงินไม่พอ ขาดอีก 57 บาท
โยมช่วยไปจ่ายให้ก่อนได้ไหม เดี๋ยวจะเอาเงินคืนให้ จากลูกศิษย์ที่รออยู่ในรถหน้าห้าง "
หญิง สาวจะปฏิเสธ ก็จะกลายเป็นคนใจดำ จึงไปช่วยจ่ายเงินให้ แล้วเดินไปหน้าห้างด้วยกัน
พอเจอลูกศิษย์นั่งรอในรถ คนหัวโล้นก็พูดว่า เอาเงินคืนโยมไป ลูกศิษย์ก็แกล้งทำเป็นตกใจ
หยิบกระเป็าที่ไม่มีตังค์เปิดออกมา เหมือนจงใจให้หญิงสาวดูว่า
" อ้าว ไม่ได้พกตังค์มา ....ถ้างั้นไปกดที่ ATM ที่อยู่หัวมุมถนนโน้นละกัน " ( จะหลอกให้หญิงสาวขึ้นรถไปด้วย)
หญิงสาวบอกว่า ATM ที่ห้างนี้ก็มี ลูกศิษย์อ้างว่า ถ้ากด ATM ในห้าง จะต้องขับรถอ้อมห้างอีก
เสียเวลาหญิงสาวบอกว่า ถ้างั้นไม่เป็นไร ( เธอคิดว่า ทำบุญ 57 บาท) คนหัวโล้นพูดว่า
ไม่ได้หรอกโยม อาตมายืมก็ส่วนยืม ถ้าไม่คืน จะเป็นหนี้ค้างกันไปถึงชาติหน้า (อ้างไปเรื่อยให้เหยื่อตายใจ)
พอขึ้นรถไป ก็ไปนิดเดียว ไม่ไกลจากห้างจริงๆ แต่ไม่ใช่ตู้ ATM มันเป็น ม่านรูด !!!!
หญิง สาวเล่าให้ทีมงานรายการฟังว่า จากคนที่ท่าทางสุภาพ ห่มผ้าเหลืองที่เธอคิดว่าเป็นพระนั้น
พอเกือบถึงโรงแรมม่านรูด ก็ชกท้องเธอ จากนั้นเธอโดนข่มขืนและรูดทรัพย์
สุดท้ายถูกนำมาปล่อยตัวใกล้ๆ ม่านรูด โดยที่เธอไม่มีหลักฐานอะไรเพื่อเอาเรื่องพวกมันได้เลย
อยาก ให้หญิงสาวทุกคนอ่านไว้เป็นอุทาหรณ์ ไม่ว่าจะมาในรูปแบบใด ห้ามขึ้นรถผู้ชายที่ไม่รู้จักเด็ดขาด
ไม่ต้องไปเกรงใจว่ามันเป็นใคร ยิ่งอยู่ในห้าง เราสามารถหาผู้ชายคนอื่นช่วยแทนได้
มีผู้ชมทางบ้านซึ่งเป็นเหยื่อ โทร.มาเล่าให้ทางรายการฟังดังนี้
เธอ กำลังเลือกหาซื้อหนังสืออยู่ในห้างแห่งหนึ่ง มีคนหัวโล้นนุ่งผ้าเหลืองมาพูดจาสุภาพว่า
" โยม อาตมาเพิ่งมาห้างนี้ครั้งแรก ไม่รู้ว่าจะไปซื้อ...ได้ที่ไหน " ( ฟังไม่ทันว่า ....คืออะไร ขออภัยด้วย)
หญิงสาวได้ยินดังนั้น จึงบอกทางว่าเดินไปข้างหน้าอยู่ซ้ายมือ แล้วอ่านหนังสือต่อ
สักพักคนหัวโล้นนั้นเดินกลับมา บอกว่า " ขอโทษเถอะโยม อาตมามีเงินไม่พอ ขาดอีก 57 บาท
โยมช่วยไปจ่ายให้ก่อนได้ไหม เดี๋ยวจะเอาเงินคืนให้ จากลูกศิษย์ที่รออยู่ในรถหน้าห้าง "
หญิง สาวจะปฏิเสธ ก็จะกลายเป็นคนใจดำ จึงไปช่วยจ่ายเงินให้ แล้วเดินไปหน้าห้างด้วยกัน
พอเจอลูกศิษย์นั่งรอในรถ คนหัวโล้นก็พูดว่า เอาเงินคืนโยมไป ลูกศิษย์ก็แกล้งทำเป็นตกใจ
หยิบกระเป็าที่ไม่มีตังค์เปิดออกมา เหมือนจงใจให้หญิงสาวดูว่า
" อ้าว ไม่ได้พกตังค์มา ....ถ้างั้นไปกดที่ ATM ที่อยู่หัวมุมถนนโน้นละกัน " ( จะหลอกให้หญิงสาวขึ้นรถไปด้วย)
หญิงสาวบอกว่า ATM ที่ห้างนี้ก็มี ลูกศิษย์อ้างว่า ถ้ากด ATM ในห้าง จะต้องขับรถอ้อมห้างอีก
เสียเวลาหญิงสาวบอกว่า ถ้างั้นไม่เป็นไร ( เธอคิดว่า ทำบุญ 57 บาท) คนหัวโล้นพูดว่า
ไม่ได้หรอกโยม อาตมายืมก็ส่วนยืม ถ้าไม่คืน จะเป็นหนี้ค้างกันไปถึงชาติหน้า (อ้างไปเรื่อยให้เหยื่อตายใจ)
พอขึ้นรถไป ก็ไปนิดเดียว ไม่ไกลจากห้างจริงๆ แต่ไม่ใช่ตู้ ATM มันเป็น ม่านรูด !!!!
หญิง สาวเล่าให้ทีมงานรายการฟังว่า จากคนที่ท่าทางสุภาพ ห่มผ้าเหลืองที่เธอคิดว่าเป็นพระนั้น
พอเกือบถึงโรงแรมม่านรูด ก็ชกท้องเธอ จากนั้นเธอโดนข่มขืนและรูดทรัพย์
สุดท้ายถูกนำมาปล่อยตัวใกล้ๆ ม่านรูด โดยที่เธอไม่มีหลักฐานอะไรเพื่อเอาเรื่องพวกมันได้เลย
อยาก ให้หญิงสาวทุกคนอ่านไว้เป็นอุทาหรณ์ ไม่ว่าจะมาในรูปแบบใด ห้ามขึ้นรถผู้ชายที่ไม่รู้จักเด็ดขาด
ไม่ต้องไปเกรงใจว่ามันเป็นใคร ยิ่งอยู่ในห้าง เราสามารถหาผู้ชายคนอื่นช่วยแทนได้
วันพฤหัสบดีที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2553
ข่าวจาก อาจารย์ ร.ร.นานาชาติ
เคยได้ยินแต่ข่าว นศ.สาว ไปจอดรถที่ลาดพร้าว และ รังสิต ถูกโปะยาสลบแล้วพาเข้าม่านรูด
ตอนนี้มันเล่นทั้งชายหญิงครอบครัวเลยนะ
เคยประสบเหตุนี้แล้วกับตัวเอง ที่ถนนมเหศักดิ์ ซึ่งเชื่อม ถนนสาธรกับถนนสีลมเป็นเวลากลางวัน
ระหว่างที่รถผมหยุดรอไฟเขียว มีชาย 2 คนเดินมาข้างหลัง ทั้งคู่กระตุกประตูหลัง คนละข้าง โชคดีที่
ประตูล๊อก
1 ใน 2 คนนั้นพยายามดึงแรงขึ้นอีก แล้วทั้งคู่ก็เดินเร็วผ่านรถผม
แล้วปนไปในฝูงชน เดี๋ยวนี้ เหตุร้ายเกิดได้ตลอด ไม่ว่ามืดหรือสว่าง
เราคงต้องระวังอย่าเผลอเชียวละ
เหตุการณ์ที่ 1
ดิฉันจะมีนิสัยเมื่อขึ้นรถแล้วต้องกดเซ็นทรัลล๊อคทั้งก่อนสตาร์ทเครื่อง และก่อนดับเครื่อง มีรถเก๋งคัน
หนึ่งสีเงิน มีคนสองคนเดินลงมาจากรถแล้วก็เดินมาอย่างสุภาพ ขณะที่กำลังจัดของอยู่ เพลินๆก็
ได้ยิน เสียงตึ๊กจากข้างหลัง ก็ตกใจรู้สึกตัวว่ามีคนพยายามเปิดประตูหลังของรถ แต่เพราะรถ
ล๊อคพวกมันก็เดินกลับไปขึ้นรถเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คิดว่าเหลือเชื่อจริงๆ กลางวันแสกๆแท้ๆ ถ้า
หากบังเอิญรถไม่ได้ล๊อค ไม่กล้าคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น
อยากจะให้ทุกคนมีนิสัย ขึ้นรถต้องล๊อครถพวกผู้ร้ายมักจะลงมือจากเบาะหลัง เพราะจะควบคุม
สถานการณ์ได้ง่าย
เหตุการณ์ที่ 2
หลังจาก จ่ายเงินค่าจอดรถเลี้ยวออกจากโรงพยาบาล ก็จอดติดไฟแดง
ขณะนั้น ( ยังไม่ ถึง 3 นาที ระบบล๊อคอัตโนมัติคงยังไม่ทำ งาน )
ชายหนุ่ม สองคนก็เข้ามานั่งที่เบาะหลังของรถ โชคดีที่พ่อแม่ของผมไหวตัวเร็วมาก รีบถอดเข็มขัด
นิรภัย ดับเครื่อง ดึงกุญแจออกแล้วออกมายืนนอกรถโดยเร็ว คนทั้งสองคนนั้นก็ยังนั่งอยู่ในรถ
หน้าตาเฉย จนกระทั่งคุณแม่ของผมตะโกนใส่พวกเขาว่า พวกเรายังมีเพื่อนฝูงอยู่ในโรงพยาบาลอีก
เยอะ
จะให้ เรียกพวกเขาลงมาคุยกับพวกแกไหม ?
พวกเขาจึงออกมาจากรถแล้วบอกว่าขอโทษขึ้นผิดคัน(นี่มันปล้นกันชัดๆ )
แล้วรถคันข้างหลัง ( มีคนอยู่ในรถสองคน ) ก็ขับมารับพวกเขาจากไป
น่ากลัวที่สุด
เหตุการณ์ที่ 3
ตอนจอดติดไฟแดง รถของผมอยู่ห่างจากทางแยกประมาณคันที่สามหรือสี่
สักครู่ หนึ่ง จู่ ๆ ก็มีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งจอดอยู่ท้ายรถผม
บนรถมีชายหนุ่มอายุ ประมาณ 20 กว่า สองคน
แล้วที่น่าสงสัยก็คือ พวกเขาพยายามมองเข้ามาในรถของผม
ผมจึงจ้องพวกเขาอยู่ครู่หนึ่ง พอไฟเขียวก็ออกรถพร้อมมัน
ผมบังเอิญได้ยินหนึ่งในนั้นพูดขึ้นว่า "รถมันล๊อคหมด" แล้วก็ขับเลยไป
ขอให้ช่วยกัน Forward มากๆ ทั้งชายทั้งหญิงนะครับ
ตำรวจเคยบอกว่ามักจะพบผู้หญิงถูกลอกคราบ ข่มขืน และถ่ายรูปแล็คเมลล์ ตบทรัพย์มากราย ส่วนมาก
ถูกยาสลบ
ส่งแค่คนสองคนก็ได้บุญมากแล้วครับ
ตอนนี้มันเล่นทั้งชายหญิงครอบครัวเลยนะ
เคยประสบเหตุนี้แล้วกับตัวเอง ที่ถนนมเหศักดิ์ ซึ่งเชื่อม ถนนสาธรกับถนนสีลมเป็นเวลากลางวัน
ระหว่างที่รถผมหยุดรอไฟเขียว มีชาย 2 คนเดินมาข้างหลัง ทั้งคู่กระตุกประตูหลัง คนละข้าง โชคดีที่
ประตูล๊อก
1 ใน 2 คนนั้นพยายามดึงแรงขึ้นอีก แล้วทั้งคู่ก็เดินเร็วผ่านรถผม
แล้วปนไปในฝูงชน เดี๋ยวนี้ เหตุร้ายเกิดได้ตลอด ไม่ว่ามืดหรือสว่าง
เราคงต้องระวังอย่าเผลอเชียวละ
เหตุการณ์ที่ 1
ดิฉันจะมีนิสัยเมื่อขึ้นรถแล้วต้องกดเซ็นทรัลล๊อคทั้งก่อนสตาร์ทเครื่อง และก่อนดับเครื่อง มีรถเก๋งคัน
หนึ่งสีเงิน มีคนสองคนเดินลงมาจากรถแล้วก็เดินมาอย่างสุภาพ ขณะที่กำลังจัดของอยู่ เพลินๆก็
ได้ยิน เสียงตึ๊กจากข้างหลัง ก็ตกใจรู้สึกตัวว่ามีคนพยายามเปิดประตูหลังของรถ แต่เพราะรถ
ล๊อคพวกมันก็เดินกลับไปขึ้นรถเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คิดว่าเหลือเชื่อจริงๆ กลางวันแสกๆแท้ๆ ถ้า
หากบังเอิญรถไม่ได้ล๊อค ไม่กล้าคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น
อยากจะให้ทุกคนมีนิสัย ขึ้นรถต้องล๊อครถพวกผู้ร้ายมักจะลงมือจากเบาะหลัง เพราะจะควบคุม
สถานการณ์ได้ง่าย
เหตุการณ์ที่ 2
หลังจาก จ่ายเงินค่าจอดรถเลี้ยวออกจากโรงพยาบาล ก็จอดติดไฟแดง
ขณะนั้น ( ยังไม่ ถึง 3 นาที ระบบล๊อคอัตโนมัติคงยังไม่ทำ งาน )
ชายหนุ่ม สองคนก็เข้ามานั่งที่เบาะหลังของรถ โชคดีที่พ่อแม่ของผมไหวตัวเร็วมาก รีบถอดเข็มขัด
นิรภัย ดับเครื่อง ดึงกุญแจออกแล้วออกมายืนนอกรถโดยเร็ว คนทั้งสองคนนั้นก็ยังนั่งอยู่ในรถ
หน้าตาเฉย จนกระทั่งคุณแม่ของผมตะโกนใส่พวกเขาว่า พวกเรายังมีเพื่อนฝูงอยู่ในโรงพยาบาลอีก
เยอะ
จะให้ เรียกพวกเขาลงมาคุยกับพวกแกไหม ?
พวกเขาจึงออกมาจากรถแล้วบอกว่าขอโทษขึ้นผิดคัน(นี่มันปล้นกันชัดๆ )
แล้วรถคันข้างหลัง ( มีคนอยู่ในรถสองคน ) ก็ขับมารับพวกเขาจากไป
น่ากลัวที่สุด
เหตุการณ์ที่ 3
ตอนจอดติดไฟแดง รถของผมอยู่ห่างจากทางแยกประมาณคันที่สามหรือสี่
สักครู่ หนึ่ง จู่ ๆ ก็มีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งจอดอยู่ท้ายรถผม
บนรถมีชายหนุ่มอายุ ประมาณ 20 กว่า สองคน
แล้วที่น่าสงสัยก็คือ พวกเขาพยายามมองเข้ามาในรถของผม
ผมจึงจ้องพวกเขาอยู่ครู่หนึ่ง พอไฟเขียวก็ออกรถพร้อมมัน
ผมบังเอิญได้ยินหนึ่งในนั้นพูดขึ้นว่า "รถมันล๊อคหมด" แล้วก็ขับเลยไป
ขอให้ช่วยกัน Forward มากๆ ทั้งชายทั้งหญิงนะครับ
ตำรวจเคยบอกว่ามักจะพบผู้หญิงถูกลอกคราบ ข่มขืน และถ่ายรูปแล็คเมลล์ ตบทรัพย์มากราย ส่วนมาก
ถูกยาสลบ
ส่งแค่คนสองคนก็ได้บุญมากแล้วครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)